วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

ความประทับใจในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2





อนุสาวรีย์สามบูรพาจารย์

“สามเสือเกษตร” เป็นฉายาที่เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ใช้เรียกแทนบุคคลทั้งสาม คือหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ หลวงอิงคศรีกสิการ และพระช่วงเกษตรศิลปการ ด้วยท่านเหล่านี้ล้วนมีคุโณปการต่อวงการเกษตรและต่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเป็นผู้วางรากฐานการเกษตรและการศึกษาด้านเกษตรศาสตร์ของประเทศไทย ถือได้ว่าทั้งสามท่านได้ร่วมกันทำงานอย่างหนัก ผลที่มีต่อประเทศชาตินั้นจึงไม่สามารถแบ่งแยกจากกันได้





พระพิรุณทรงนาค

พระพิรุณทรงนาค เป็นสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งอยู่ ณ บริเวณหน้าอาคารสุวรรณ วาจกกสิกิจ พระพิรุณองค์ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงฐานที่ตั้งให้สูงขึ้นจากเดิมประมาณ 1.35 เมตร พร้อมกับยกระดับบ่อน้ำพุกลางให้สูงขึ้นอีก 1 เมตร เพื่อให้มีความสง่างามและโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยใช้งบประมาณรายได้จากส่วนกลาง เป็นจำนวนสองล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาทถ้วน และทำพิธีสักการะ องค์พระพิรุณ ไปเมื่อวันที่ 16 กรกฏาคม พ.ศ.2547




อาคารสารนิเทศ 50 ปี
อาคารสารนิเทศ 50 ปี เป็นอาคารสูง 10 ชั้น จัดสร้างขึ้นในวาระครบรอบ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเริ่มเข้าใช้อาคารเมื่อปี พ.ศ.2540 ส่วนบนดาดฟ้ามีธงชาติผืนใหญ่เพื่อเป็นการประกาศเฉลิมฉลองการการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ใช้เป็นอาคารบริหารและสำนักงานอธิการบดี

หออนุสรณ์ 60 ปี มก.
เป็นสิ่งก่อสร้างถาวรซึ่งแสดงถึงความหมายที่สำคัญของการพัฒนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นจุดรวมทางสายตา เน้นให้เห็นถึงความสง่างามสมเกียรติภูมิของมหาวิทยาลัย โดยมีลักษณะเด่นคือ ส่วนฐาน เปรียบเหมือนแผ่นดินอันเป็นต้นกำเนิดของพืชพรรณ ฐานสามเหลี่ยมใหญ่หมายถึงสามบูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฐานสามเหลี่ยมย่อยแทนคณาจารย์และบุคลากรที่ร่วมสร้างมหาวิทยาลัยจากอดีตไปจนถึงอนาคต ฐานตัวหอรูปหกเหลี่ยม หมายถึงวาระการครบรอบ 60 ปี ของมก. ส่วนหอ เปรียบเสมือนต้นข้าวอันเป็นตัวแทนของพืชพรรณซึ่งเติบโตขึ้นมาจากแผ่นดิน แล้วแตกยอดออกเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น สู่จุดสูงสุดที่ใช้ยอดสีทองแทนความหมาย ส่วนยอด บรรจุแก้วเจียระไนรูปสามเหลี่ยมปิรามิดฐานสี่เหลี่ยม เพื่อสะท้อนแสงในงานเฉลิมฉลองช่วงเย็นถึงกลางคืน ลวดลายฉลุ เป็นโลหะสีทองฉลุลวดลายพืชพรรณบ่อน้ำและปลา อันเป็นต้นกำเนิดของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลายดอกบัวให้ความหมายของการเรียนรู้และพัฒนาตนเองในการศึกษา








ศาลาหกเหลี่ยม
รูปทรงและชื่อของอาคารหลังนี้เลียนแบบเรือนไม้หลังเดิม ซึ่งเคยตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันนี้ ศาลาหกเหลี่ยมหลังเดิม จัดสร้างขึ้นโดยแผนกทดลองและเพาะเลี้ยง กรมประมง เมื่อประมาณ ปี พศ.2490 เพื่อเป็นสถานที่อำนวยความสะดวกสำหรับประชาชนที่มาติดต่อขอซื้อพันธุ์ปลา ต่อมากลายเป็นที่พำนักพักผ่อนของชาว มก.ในยุคที่รถยนต์โดยสารสาธารณะยังมีบริการด้านถนนพหลโยธินเป็นหลัก และถูกใช้เป็นที่จอดรถจักรยานในเวลาต่อมา อาคารศาลาหกเหลี่ยมหลังใหม่เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542 สร้างขึ้นเพื่อแสดงเหตุการณ์สำคัญในประวัติของชาวเกษตร อันเนื่องด้วยพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นสถานที่จัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้ด้านการเกษตรและวิทยาการด้านต่างๆ




อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2528 สามารถจุได้ประมาณ 3,000 ที่นั่ง เดิมเป็นอาคารอเนกประสงค์ สำหรับใช้ในการแข่งขันกีฬา ปัจจุบันเป็นอาคารสำหรับ งานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร โครงการส่งเสริมความสามรถพิเศษภาคฤดุร้อน โครงการก้าวแรกสู่บัณฑิตยุคใหม่ โครงการเลือกแนวทางวางอนาคต ฯลฯ รวมทั้งยังเป็นสถานที่จำหน่ายและ รับสมัครการสอบวัดความรู้ เพื่อเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอีกด้วย





สำนักพิพิธภัณฑ์และวัฒนธรรมการเกษตร

เป็นหน่วยงานที่ให้บริการทางวิชาการในเรื่องของวิวัฒนาการและวัฒนธรรมการเกษตร และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จฯวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2538 และทรงเปิดอาคารอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2540 ด้านหน้าของกลุ่มอาคารปรากฏเห็นบุษบกมาลา ประดิษฐานพระนามาภิไธยย่อ “สธ.” เครื่องหมายแห่งสิริมงคลอันสูงสุดซึ่งมีความสง่างามอย่างยิ่ง ภายในกลุ่มอาคารประกอบด้วยโรงละครประเสริฐ ณ นคร ขนาดความจุ 500 ที่นั่ง เวทีแสดงกลางแจ้งพร้อมอุปกรณ์แสงสีเสียง นอกจากนี้ยังมีศูนย์ข้อมูล ห้องโถงสำหรับแสดงนิทรรศการชั่วคราวอีกด้วย




ความประทับใจในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 1

ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเษตรศาสตร์


อยู่ที่ เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 14 มุมถนนงามวงศ์งาน บรรจบกับถนนพหลโยธิน






ประวัติโดยย่อของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรทางการเกษตรแห่งแรกของประเทศไทย โดยถือกำเนิดจากโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม เมื่อ พ.ศ. 2460 ต่อมาได้ขยาย ยกฐานะเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และพัฒนาจนกระทั่งเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฉบับแรก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ในระหว่าง พ.ศ. 2486 - 2504 มีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใช้ 6 ฉบับ ฉบับที่ใช้นานที่สุดคือ พ.ศ. 2511 สำหรับพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2541 เป็นฉบับปัจจุบันได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับกฤษฎีกา เล่ม 115 ตอนที่ 15 ก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2541
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยได้ดำเนินภารกิจเพื่อสนองนโยบายการกระจายโอกาสทางการศึกษาของรัฐบาลใน 4 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตบางเขน, วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม, วิทยาเขตศรีราชา จังหวัดชลบุรี และวิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร และวิทยาเขตที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งอีก 3 วิทยาเขต คือ วิทยาเขตกระบี่ วิทยาเขตลพบุรี และวิทยาเขตสุพรรณบุรี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาตามศักยภาพและความต้องการของชุมชน





ตราประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ตราประจำมหาวิทยาลัยเป็นรูปวงกลม มีรูปพระพิรุณทรงนาคอยู่กึ่งกลาง ล้อมรอบด้วยกลีบบัวคว่ำและกลีบบัวหงายและมีข้อความว่า "มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ.๒๔๘๖" ล้อมรอบเป็นชั้นนอกสุด ตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายราชการ พุทธศักราช 2482 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2540 เล่มที่ 114 ตอนพิเศษ 104 ง





ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

นนทรีทรงปลูก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูกต้นนนทรี จำนวน ๙ ต้น ณ บริเวณหน้าหอประชุม มก. เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๐๖ เวลา ๑๕.๓๐ น. นับเป็นวันประวัติศาสตร์ นนทรีทรงปลูกที่ชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต้องจารึกไว้ในดวงจิตอย่างไม่มีวันลืม
ต้นนนทรี (Peltophorum pterocarpum ) เป็นไม้ยืนต้นในตระกูล Leguminasae มีอายุยาวนาน ใบเขียว ตลอดปี ลำต้นแข็งแรง เปลือกสีเทาอม น้ำตาล ชูกิ่งก้านสาขาแผ่เรือนยอดสู่เบื้องบน ใบเป็นช่อแบบขนนกสองชั้น ดอกสีเหลือง ออกรวมกันเป็นช่อตั้ง ชี้ขึ้นตามปลายกิ่ง ผลเป็นฝักแบน ๆ เกลี้ยง ฝักอ่อนสีเขียว เมื่อ แก่ออกสีน้ำตาลแดง ทนทานในทุกสภาพ อากาศ





สีประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

สีประจำมหาวิทยาลัยคือ สีเขียวใบไม้


เพลงประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เพลงพระราชนิพนธ์ที่โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้แก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๐๙ และได้โปรดเกล้าฯ ให้นายประเสริฐ ณ นคร แต่งคำร้อง

เพลงพระราชนิพนธ์ "เกษตรศาสตร์"
เขียวธงขจี
ก่อเกิดไมตรีสามัคคีมั่น
สถานเรียนเกษตรนั้น
เราผูกพันบูชา
เขียวนาป่าไพร
แผ่นดินถิ่นไทยไพบูลย์หนักหนา
เพราะไทยผลิตค้า
ทุกแหล่งฟ้าหล้าอิ่มเอม
(หญิง) แม้นเหนื่อยกายใจสำราญ
เสร็จกิจการงานเกษตรเกษม
ล้วนปรีเปรมนำวิชา
สร้างชาติสร้างตนรวมแรงรวมใจ
จะจงรักจอมจักริน
อีกแดนแผ่นดินทำกินเก็บผล
พระคุณเกษตรล้น
รักเปี่ยมท้นดวงจิตเอย